📱 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ท่านสามารถติดต่อ Bitkub Exchange ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ของ Bitkub Call Center ได้ที่หมายเลข 1518
โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ การเปิดใช้งานเบอร์โทรศัพท์ใหม่ 1518 สำหรับติดต่อ Bitkub Call Center

ประเภทคำสั่งซื้อ/ขาย แบบ Stop-Limit Order

แก้ไขเมื่อ วันศุกร์, 30 สิงหาคม เมื่อ 2:05 PM

Stop-Limit Order คืออะไร

Stop-Limit Order คือ การสร้างคำสั่งซื้อ/ขาย ที่ท่านสามารถกำหนดเงื่อนไขราคาล่วงหน้าได้ เมื่อราคาในตลาดถึงเงื่อนไขราคาที่ท่านกำหนดไว้ ระบบจะสร้างคำสั่งซื้อ/ขายประเภทลิมิตออร์เดอร์ขึ้นโดยอัตโนมัติตามราคาท่านตั้งไว้ ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้เทรดทำการซื้อขายสินทรัพย์ได้ตามแผนการเทรด หรือกลยุทธ์การตั้ง Stop Loss* ได้

 

รูปแบบของคำเสนอซื้อ/ขาย แบบ Stop-Limit Order

Stop-Limit Order มีรูปแบบการสร้างคำสั่ง 2 ประเภทคือ Stop-Limit Buy และ Stop-Limit Sell

1) Stop-Limit Buy คือ สถานะรอดำเนินการในการซื้อ เมื่อราคาขยับถึงเงื่อนไขราคาที่ตั้งไว้

     - สต็อป (Stop) คือ เงื่อนไขราคาที่ต้องการให้ระบบเริ่มส่งคำสั่งซื้อแบบลิมิตออร์เดอร์ไปสู่ตลาด 

     - ลิมิต (Limit) คือ เมื่อราคาในตลาดตรงกับราคาลิมิตที่ตั้งไว้หรือต่ำกว่า


ตัวอย่าง

ราคาปัจจุบันของ Cardano (ADA) เท่ากับ 120 บาท แต่ผู้เทรดคาดการณ์ไว้ว่าเมื่อราคาของ ADA ขยับขึ้นมาแตะที่ 150 บาทถือเป็นทะลุแนวต้าน*ขึ้นจากนั้นจะมีการย่อของราคากลับลงไปถึง 130 บาท ผู้เทรดจึงตั้งออร์เดอร์ Stop-Limit Buy โดยตั้ง Stop Price ที่ราคา 150 และ Limit Price ที่ราคา 130 บาท เพื่อให้มีโอกาสในการซื้อได้ที่ราคา 130 บาท ซึ่งจะถูกกว่าการซื้อที่ราคา 150 บาท


หากราคาตลาดขึ้นไปถึงแค่ 140 บาท ออร์เดอร์จะไม่ถูกสร้างขึ้นเนื่องจากราคายังไม่ถึง Stop Price ที่ตั้งไว้ที่ 150 บาท จึงทำให้ออร์เดอร์จะยังไม่ถูกส่งไปยังฐานคำเสนอซื้อ-ขาย (Order Book)

 

2) Stop-Limit Sell คือ สถานะรอดำเนินการในการขาย เมื่อราคาขยับถึงเงื่อนไขราคาที่ตั้งไว้

     - Stop คือ เงื่อนไขราคาที่ต้องการให้ระบบเริ่มส่งคำสั่งขายแบบลิมิตออร์เดอร์ไปสู่ตลาด

     - Limit คือ เมื่อราคาในตลาดตรงกับราคาลิมิตที่ตั้งไว้หรือสูงกว่า

 

ตัวอย่างการตั้งออร์เดอร์ Stop-Limit แบบที่ 1: 

ตัวอย่างเช่นผู้เทรดกำลังถือ Ethereum (ETH) อยู่ 1 เหรียญและราคาปัจจุบันของ ETH เท่ากับ 82,000 บาท ผู้เทรดคาดการณ์ว่าหากราคาตลาดลงไปถึง 80,000 บาท จะเป็นการทะลุแนวรับ*ลงจากนั้นจะมีการพุ่งขึ้นของราคากลับมาชนแนวต้านที่ราคา 85,000 บาท ผู้เทรดจึงตั้งออร์เดอร์ Stop-Limit Sell โดยตั้ง Stop Price ที่ราคา 80,000 และ Limit Price ที่ราคา 85,000 บาท เพื่อให้มีโอกาสในการขายได้ในราคาที่ 85,000 บาท ซึ่งจะขายได้แพงกว่าการขายที่ราคา 80,000 บาท 


หากราคาตลาดลงไปถึงแค่ 81,000 บาท ออร์เดอร์จะไม่ถูกสร้างขึ้นเนื่องจากราคายังไม่ถึง Stop Price ที่ตั้งไว้ที่ 80,000 บาท จึงทำให้ออร์เดอร์จะยังไม่ถูกส่งไปยังฐานคำเสนอซื้อ-ขาย (Order Book)

 

ตัวอย่างการตั้งออร์เดอร์ Stop-Limit แบบที่ 2 (แสดงการตั้ง Stop-Limit Sell เพื่อ Stop Loss):

ตัวอย่างเช่นผู้เทรดกำลังถือ Ethereum (ETH) อยู่ 1 เหรียญและราคาปัจจุบันของ ETH เท่ากับ 100,000 บาท ผู้เทรดคาดการณ์ว่าหากราคา ETH ตกลงไปถึง 80,000 บาทจะถือเป็นสัญญาณขาลงของเหรียญ ผู้เทรดจึงต้องการ Stop Loss เหรียญ ETH ที่ถืออยู่ในราคาดังกล่าวและตั้งออร์เดอร์ Stop-Limit Sell ไว้ โดยตั้ง Stop Price ไว้ที่ 80,000 บาท และตั้ง Limit Price ไว้ที่ 75,000 บาท เมื่อราคาของ ETH ตกลงมาถึง 80,000 บาท ระบบจะสร้างลิมิตออร์เดอร์ให้ขาย ETH ที่ราคา 75,000 บาททันที ทำให้ผู้เทรดสามารถขาย ETH เพื่อ Stop Loss ได้ตั้งแต่ราคา 75,000 - 80,000 บาท 


หากราคาของ ETH ตกลงไปต่ำกว่า 75,000 บาท ออเดอร์จะหยุดการจับคู่ และอาจทำให้ออร์เดอร์ยังไม่ได้รับการจับคู่ครบทั้งหมด เมื่อราคาในตลาดกลับมาอยู่ในราคาลิมิตที่ท่านตั้งไว้หรือสูงกว่าอีกครั้ง ออร์เดอร์จึงสามารถถูกจับคู่ต่อได้ 

 

ขณะนี้ทุกเหรียญที่เปิดเทรดบนบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์มีบริการสต็อปลิมิตออร์เดอร์ ยกเว้นเหรียญ Fantom (FTM)


image__4_.png

 

ท่านสามารถดู วิธีการสร้างคำสั่งซื้อ/ขายแบบ Stop-Limit Order ได้จากวิดีโอต่อไปนี้ โดย Bitkub Academy



หมายเหตุ:

  • ออร์เดอร์ที่ท่านได้ทำการตั้งไว้จะหายไป ก็ต่อเมื่อท่านทำการยกเลิกรายการด้วยตนเอง หรือรายการสำเร็จ
  • ตัวอย่างข้างต้นเป็นเพียงการยกตัวอย่างสถานการณ์เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการรับผิดชอบกรณีที่มีการตั้งราคาตามตัวอย่างข้างต้นแล้วเกิดการขาดทุนอันเนื่องมาจากกลไกของตลาด
  • *Stop Loss หมายถึง การหยุดเพื่อไม่ให้ราคาหลักทรัพย์ลดลงไปมากกว่านี้ ซึ่งขณะที่ทำการ Stop Loss นั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรอยู่ในขณะที่ขายก็ได้ แต่ขายออกไปเพื่อป้องกันไม่ให้กำไรลดลงกว่าที่เป็น หรือขาดทุนมากยิ่งขึ้น (อ้างอิง)
  • *แนวรับ (Support) หมายถึง ระดับราคาที่ต่ำกว่าราคาในปัจจุบัน ที่ผู้เทรดคาดการณ์ว่าจะมีความต้องการซื้อเข้ามาอย่างมาก หรือมีคนสนใจซื้อที่ระดับราคาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก (อ้างอิง)
  • *แนวต้าน (Resistance) หมายถึง ระดับราคาที่สูงกว่าราคาปัจจุบัน ที่ผู้เทรดคาดการณ์ว่าจะมีความต้องการขายเข้ามามาก หรือมีคนสนใจขายที่ระดับราคาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก (อ้างอิง)


คำถามที่พบบ่อย

1. คำสั่ง Stop-limit จะอยู่นานแค่ไหน
คำตอบ: คำสั่งจะอยู่ในระบบจนกว่า ผู้เทรดจะกด "ยกเลิก" หรือมีการจับคู่ออร์เดอร์สำเร็จเท่านั้น


2. หาก Order จับคู่ตามจำนวนสินทรัพย์ ไม่ครบจะทำอย่างไร
คำตอบ: ระบบจะรอจนกว่าจะสามารถจับคู่ได้ครบทั้งหมด หรือผู้เทรดสามารถยกเลิกได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ออร์เดอร์ของท่านอาจได้รับการจับคู่เพียงแค่บางส่วนได้ ขึ้นอยู่กับลำดับที่ในการส่งออร์เดอร์เข้าสู่ระบบ (FIFO) และปริมาณความต้องการซื้อหรือขายในตลาด ณ เวลานั้น ๆ

3. หากราคา Limit ห่างกับราคา Stop มากเกินไประบบจะทำอย่างไร
คำตอบ: หากราคาห่างมากเกิน 5% ระบบจะแจ้งให้ผู้เทรดทราบว่า อาจจะ ทำให้การจับคู่ทำได้ไม่ครบตามที่ผู้เทรดต้องการ แต่ถ้าผู้เทรดต้องการจะวางออร์เดอร์ตามนี้ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทคำสั่งซื้อ/ขายบนบิทคับได้ที่ ลิงก์นี้

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?

เยี่ยมเลย!

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

ขออภัยที่เราช่วยเหลือไม่ได้!

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

บอกให้เราทราบว่าเราจะปรับปรุงบทความนี้ได้อย่างไร!

เลือกเหตุผลอย่างน้อยหนึ่งข้อ
ต้องมีการตรวจสอบ CAPTCHA

ส่งข้อเสนอแนะแล้ว

เราขอขอบคุณในความพยายามของคุณ และจะพยายามแก้ไขบทความดังกล่าว