Blast (BLAST) คืออะไร?
Blast (BLAST) คือโซลูชันการปรับขนาด (Scalability) บนเครือข่าย EthereumLayer 2 ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับผลตอบแทน (Yield) จากสินทรัพย์ของตนได้โดยตรง ขณะเดียวกันก็ลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมลง เมื่อเทียบกับเครือข่าย Layer 2 แบบดั้งเดิม Blast นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างรายได้แบบ passive เพียงแค่ถือ ETH หรือเหรียญ Stablecoin บนเครือข่ายนี้ โดยไม่ต้องทำฟาร์มหรือเข้าร่วมโปรโตคอล DeFi ใด ๆ
Blast เปิดตัวโดยมีเป้าหมายที่จะรวมโอกาสการสร้างผลตอบแทนในโลก DeFi เข้ากับความสามารถในการขยายขนาดของ Layer 2 จึงได้รับความสนใจจากชุมชนคริปโตอย่างรวดเร็ว ด้วยจุดขายที่เน้นรางวัลแก่ผู้ใช้ และระบบธุรกรรมที่รวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ
ฟีเจอร์เด่นของ Blast
Blast โดดเด่นกว่า Layer 2 อื่น ๆ ด้วยคุณสมบัติสำคัญหลายประการ ได้แก่:
1. การสร้างผลตอบแทนโดยตรง (Native Yield Generation): ผู้ใช้ที่ถือ ETH บนเครือข่าย Blast จะได้รับผลตอบแทนอัตโนมัติจากการ Stake บน Ethereum ส่วนผู้ใช้ที่ถือ stablecoin จะได้รับผลตอบแทนจากโปรโตคอลที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์บนโลกจริง ทําให้สินทรัพย์สามารถเติบโตได้แบบ passive
2. รองรับ Ethereum Layer 2: Blast ถูกสร้างขึ้นบน Ethereum Layer 2 และได้รับผลประโยชน์จากความปลอดภัยของ Ethereum แต่เพิ่มความเร็วในการทําธุรกรรมและลด Gas fees ลงอย่างมาก ซึ่งเหมาะ
สําหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ที่ต้องการโซลูชัน DeFi ที่มีประสิทธิภาพ
3. ระบบนิเวศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว: Blast ส่งเสริมการสร้างพันธมิตรและการพัฒนา dApp ผ่านโปรแกรมให้รางวัล ทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้ในช่วงเริ่มต้นจะได้รับประโยชน์จากโปรแกรมเหล่านี้ ช่วยให้เครือข่ายขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว
4. รางวัลให้ผู้ใช้และนักพัฒนา: โปรโตคอลมีการแจกจ่ายเหรียญ BLAST ให้ทั้งผู้ใช้และนักพัฒนา เพื่อสร้างระบบนิเวศให้ทั้งสองฝ่ายเติบโตไปพร้อมกัน
ทีมพัฒนา Blast
Tieshun Roquerre – Blast ถูกก่อตั้งโดย Tieshun Roquerre หรืออีกนามที่ชื่อว่า “Pacman” โดย Pacman เคยสร้าง Blur ที่เป็นตลาดซื้อขาย NFT ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยประสบการณ์ของ Pacman เขาจึงมีเป้าหมายในการแก้ปัญหาในโลก DeFi อย่างการกระจายตัวของแหล่งสร้างรายได้และต้นทุนธุรกรรมที่สูง โดยรวมเอาระบบสร้างผลตอบแทนไว้ในโครงสร้าง Layer 2 ตั้งแต่ต้น ทำให้การสร้างรายได้แบบ Passive เป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
ในส่วนของการศึกษา Roquerre ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนมัธยมในปี 2015 เพื่อเริ่มต้นธุรกิจ StrongIntro ที่ช่วยบริษัทเทคโนโลยีขยายทีมวิศวกรผ่านระบบแนะนำพนักงาน จากนั้นในปี 2016 เขาเข้าร่วมโครงการ Y Combinator กับ StrongIntro พร้อมกับเริ่มเรียนปริญญาตรีที่ MIT สาขาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ต่อมาในปี 2018 เขาลาออกจาก MIT เพื่อก่อตั้ง Namebase และในปี 2019 ก็ได้รับทุนจาก Thiel Fellowship เพื่อพัฒนา Namebase ต่อไป
โทเคน BLAST คืออะไร?
BLAST เป็นเหรียญโทเค็น Utility และโทเคนสำหรับการกำกับดูแล (Governance) ภายในระบบนิเวศของ Blast มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเครือข่าย จัดสรรสิ่งจูงใจ และเปิดให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหลัก ๆ ของโปรโตคอล
โดยหลัก ๆ ของการใช้งาน Blast โทเคนมีดังนี้:
- การกํากับดูแล: ผู้ที่ถือโทเคนสามารถเข้าร่วมโหวตในประเด็นสำคัญ เช่น การปรับพารามิเตอร์ การอัปเกรดเครือข่าย และการจัดสรรรางวัลต่าง ๆ
- สิ่งและแรงจูงใจ: BLAST จะถูกแจกจ่ายเป็นรางวัลให้กับผู้ที่นำสินทรัพย์มาเชื่อมต่อกับ Blast ใช้งาน dApps และมีส่วนช่วยในการเติบโตของระบบนิเวศ
- ค่าธรรมเนียมและธุรกรรม: แม้ว่า ETH จะเป็นหลักในการจ่ายค่าแก๊ส แต่ BLAST ก็อาจถูกนำมาใช้ในกลไกค่าธรรมเนียมหรือการ Stakeในอนาคต เมื่อระบบนิเวศขยายตัว
การกระจายของเหรียญ BLAST
ข้อมูลจากเว็บไซต์ CoinMarketCap และ Blast tokenomics ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ระบุว่าโทเคน BLAST มี Total supply ทั้งหมดอยู่ที่ 1,000,000,000 BLAST และมี Circulating supply อยู่ที่ 28,340,703,794.3 BLAST
โทเคน BLAST มีการแจกจ่ายดังนี้:
- 50.00% — ชุมชน
- 25.50% — ผู้ที่มีส่วนร่วมในระบบนิเวศ
- 16.50% — นักลงทุน
- 8.00% — มุลนิธิ Blast
ข้อมูลน่าสนใจด้านราคาของ BLAST
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Coinmarketcap เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เหรียญ BLAST มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market cap) ที่ 87,546,003.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2,873,868,323.73 บาท
ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ เหรียญ BLAST ซื้อขายกันอยู่ที่ราคาประมาณ 0.003089 ดอลลาร์ หรือประมาณ 0.1010 บาทต่อ 1 BLAST โดย BLAST เคยทำราคาสูงสุด (All-time high) ที่ 0.5223 ดอลลาร์ หรือประมาณ 17.11 บาท ต่อ 1 BLAST เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2024
แหล่งอ้างอิง
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
เยี่ยมเลย!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
ขออภัยที่เราช่วยเหลือไม่ได้!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
ส่งข้อเสนอแนะแล้ว
เราขอขอบคุณในความพยายามของคุณ และจะพยายามแก้ไขบทความดังกล่าว