การเพิ่มความสามารถในการรองรับการขยายตัว หรือ Scalability ตามแนวทางของ Cardano สามารถแบ่งได้เป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. จำนวนธุรกรรมต่อหนึ่งวินาที
Bitcoin สามารถจัดการได้ 7 ธุรกรรมต่อวินาที ในขณะที่ Ethereum สามารถทำได้ 15 - 20 ธุรกรรมต่อวินาที ซึ่งในการที่จะเป็นระบบชำระเงินที่รองรับได้ทั้งโลก จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบล็อกเชนที่จะต้องรองรับและจัดการการทำธุรกรรมปริมาณมากได้
การแก้ปัญหาของ Cardano:
โปรโทคอลโอโรโบรอส (Ouroboros Protocol) คืออ้างอิงจาก proof-of-stake ที่สามารถเพิ่มจำนวนการจัดการธุรกรรมต่อวินาทีได้มากกว่าการใช้ proof-of-work
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Proof-of-Work vs. Proof-of-Stake ได้ที่นี่
2. เครือข่ายแบนด์วิดธ์ (bandwidth)
ถ้าจำนวนผู้ใช้งานขยายตัวมากขึ้นถึงหนึ่งล้านหรือหนึ่งพันล้านคนแล้ว เราจะต้องใช้ bandwidth มากถึง 100 mb - 1 tb ต่อวินาทีในการประมวลผลผ่าน internet ซึ่งมันไม่สามารถเป็นไปได้เลยที่จะเข้าถึงโครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์อันเดียวกัน โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (network topology) หมายถึง Node ทุกตัวในเครือข่ายจำเป็นที่จะต้องรับส่งข้อความทุกข้อความ อย่างไรก็ตาม เมื่อจำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้น Node ทุกตัวอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องมีทรัพยากรเพื่อที่จะรับส่งข้อมูลในเครือข่าย
การแก้ปัญหาของ Cardano:
RINA (Recursive Inter-Nerwork Architecture) คือ เครือข่ายชนิดใหม่ที่สร้างขึ้นโดย John Day โดยมีจุดประสงค์คือสร้างเครือข่ายที่แตกต่างกัน โดยอ้างอิงจากหลักการที่ว่า ระบบเครือข่ายเป็นการติดต่อสื่อสารระหว่างโปรเซส (Inter Process Communication, IPC) โดยทาง Cardano เองหวังว่ามันจะช่วยให้โปรโทคอล TCP/IP ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และทำให้เกิดทางเลือกใหม่ในการประมวลผลข้อมูลในเครือข่าย
3. การสเกลลิ่งข้อมูล
บล็อกเชนจะบันทึกข้อมูลทุกข้อมูลและเก็บบันทึกไว้ตลอดไป ไม่ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะเกี่ยวข้องและจำเป็นหรือไม่ก็ตาม บล็อกเชนทำงานได้โดย node ซึ่งแต่ละตัวจะเก็บสำเนาของบล็อกเชนไว้ในระบบ เมื่อระบบมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น การบันทึกข้อมูลจะใช้พื้นที่มากขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้เองที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหา เพราะไม่ใช่ node ทุกตัวที่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้
การแก้ปัญหาของ Cardano:
Cardano มีหลักการในการแก้ปัญหาที่ง่ายมาก โดยกล่าวไว้ว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องการข้อมูลทุกอย่าง” Cardano เองได้พิจารณาถึง การตัดข้อมูล (Pruning) การสมัครรับข้อมูล (Subscription) และการบีบอัดข้อมูล (Compression) ซึ่งถ้าเรารวมสามสิ่งนี้เข้าด้วยกัน จะทำให้ปริมาณข้อมูลที่ผู้ใช้งานแต่ละคนต้องบันทึกลงในระบบน้อยลงได้ อีกวิธีที่หนึ่งก็คือแบ่งข้อมูลเป็นส่วนๆ (Partitioning) หมายความว่าผู้ใช้งานสามารถบันทึกข้อมูลแค่บางส่วนของบล็อกเชนได้แทนที่จะเก็บข้อมูลทั้งหมดในบล็อกเชนไว้
ท่านสนใจซื้อ Cardano (ADA) รึเปล่า ? ดูตลาดของเราได้ที่นี่ : https://www.bitkub.com/market/ADA
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
เยี่ยมเลย!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
ขออภัยที่เราช่วยเหลือไม่ได้!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
ส่งข้อเสนอแนะแล้ว
เราขอขอบคุณในความพยายามของคุณ และจะพยายามแก้ไขบทความดังกล่าว