Hedera ยังระบุอีกว่า Smart Contract ของพวกเขาเหนือกว่า Smart Contract ของแพลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วย ปัจจัยดังต่อไปนี้
1.ค่าธรรมเนียมที่คาดเดาได้เสมอ - คนที่เคยทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายบล็อกเชนอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum น่าจะคุ้นเคยกับค่าธรรมเนียม (Gas Fee) ที่ผันผวนแทบจะตลอดเวลา แต่ผู้พัฒนา Hedera Hashgraph ได้ยืนยันว่าค่าธรรมเนียมเครือข่ายจะอยู่ที่ประมาณ 0.0001 ดอลลาร์/ธุรกรรม เสมอ
2.รองรับการอัปเกรด - นักพัฒนาที่รัน Smart Contract บน Hedera สามารถเลือกได้ว่าจะให้ Smart Contract เป็นแบบ “แก้ไขไม่ได้” (Immutable) อย่างถาวร หรือจะเลือกแบบมี Admin Key ที่ผู้ถือสามารถเข้าไปปรับปรุงและอัปเดต Smart Contract ได้อย่างง่ายดาย ขณะที่ผู้ใช้คนอื่นก็สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใสเช่นกัน
3.ดำเนินธุรกรรมตามลำดับที่สร้าง - อีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ใช้บล็อกเชนรุ่นเก่า ๆ เผชิญก็คือธุรกรรมของเราจะได้รับการยืนยันก่อนหรือหลังมักจะขึ้นอยู่ค่าธรรมเนียม (Gas Fee) ที่จ่ายให้กับนักขุด ยิ่งจ่ายมากก็ยิ่งมีโอกาสถูกเลือกขึ้นมายืนยันก่อน แต่บน Hedera Hashgraph จะยึดตามลำดับก่อน-หลัง ทำให้การทำธุรกรรมมีความยุติธรรมนั่นเอง
4.รองรับภาษา Solidity - ภาษา Solidity คือภาษาที่ใช้เขียน Smart Contract บน Ethereum และเป็นภาษาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มนักพัฒนาแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ นั่นหมายความว่านักพัฒนาบน Hedera จะได้ประโยชน์จากชุมชนโปรแกรมเมอร์ที่ใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ตัวอย่างของแอปฯ ที่ประสบความสำเร็จ กรณีศึกษา ที่ปรึกษา และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะช่วยผลักดันการใช้งาน Hedera Hashgraph ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
เยี่ยมเลย!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
ขออภัยที่เราช่วยเหลือไม่ได้!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
ส่งข้อเสนอแนะแล้ว
เราขอขอบคุณในความพยายามของคุณ และจะพยายามแก้ไขบทความดังกล่าว